วันนั้นได้ฟังพี่วรรษา หัวหน้างาน ICT ศูนย์อนามัยที่ 10 เล่าเรื่อง การป้องกันความเสียหายกับระบบ IT
พี่วรรษาเน้นว่า สิ่งแรกที่ต้องทำ คือทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนตระหนักและเห็นความสำคัญ ความจำเป็นของระบบ IT เพราะเชื่อมั่นว่าเมื่อทุกคนเข้าใจ ความเสี่ยงต่างๆของระบบ IT ก็จะเกิดขึ้นน้อย หรือ แทบไม่เกิดขึ้นเลย ซึ่งผู้เขียนเองก็เชื่อตามนั้น เพราะปัจจุบันระบบ IT เป็นอีกปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวันที่เราแทบจะขาดไม่ได้ไปซะแล้ว พี่วรรษาเริ่มด้วยคำถามแรก คือ...
และคำถามต่อมา คือ..
เพื่อให้ได้คำตอบของคำถามข้อสุดท้าย คือ.....
พี่วรรษาบอกว่า ถ้าเราสามารถตอบคำถามทั้ง 3 ข้อนั้นได้ ก็ไม่ยากเลย ที่ทีมงาน IT จะทำให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ คือ เป็นศูนย์สารสน เทศงานส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม (Hybrid Health Information Center 10) ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
แล้วในส่วนของคำตอบข้อที่ 2 ในเรื่องที่เป็นปัญหาอุปสรรค เราก็คงต้องดำเนินการแก้ไข ตามแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ที่งาน IT วางแผนไว้ เพื่อให้สามารถตอบคำถามข้อที่ 3 ได้
วันนั้นทีมงาน ITผลัดกันเล่าเรื่องความพยายาม ที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงในงานที่ตัวเองตัวเองรับผิดชอบอย่างไร
และวันนั้นทีม IT โชคดีที่มีผู้นำทางที่สามารถนำชาวศูนย์ทุกคนได้ดีที่สุด คือท่านผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 10 เข้าไปร่วมฟังด้วย ผอ.ยังกล่าวตบท้ายเรื่องเล่าว่า “ เรื่อง IT เป็นเรื่องชั่งใจกันระหว่างผู้บริหารกับผู้ปฏิบัติ เพราะเป็นการลงทุนที่มาก ถ้าทำไม่ดี ไม่ตั้งใจก็จะเกิดผลเสียหายมาก แต่ถ้าเราทำได้ดี ไม่ประมาท ผลที่ได้จะเกิดประโยชน์เกินคุ้ม...”
วันนั้นกอล์ฟยกสุภาษิตที่ว่า “ถอย 1 ก้าว มองเห็นหมื่นลี้” เพื่อบอกว่า การทำงานให้สำเร็จนอกจากเราจะต้องมีความสุขกับงานแล้ว เราต้องยอมกันบ้าง ลองถอยดู ฟังคนอื่นบ้าง เพื่อเติมเต็มให้กันละกัน
ในมุมมองของกอล์ฟที่มองผู้ใช้ IT เป็นเหมือนคนขับรถ ผู้เขียนคิดว่าถ้าเราทุกคนต่างก็ขับรถโดยใช้ถนนสายนั้นที่ IT สร้างให้ ถ้าบางครั้งเรารู้จักเบรครถให้ช้าลงบ้าง ชะลอบ้าง หลบบ้าง เพื่อแบ่งปันเส้นทางให้กับคนอื่นๆ นอกจากเราและเพื่อนร่วมทางทุกคนจะขับรถได้ราบรื่นไม่มีอุบัติเหตุ ไม่มีการกระทบ กระทั่งกันแล้วเรายังสามารถถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยและพร้อมๆกันด้วย
จริงไหมคะ ???